สอบปลายภาค
ให้นักศึกษาอ่านแล้วตอบคำถามประเด็นต่อไปนี้
(40 คะแนน)
1.ความหมายคำว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา เทศบัญญัติ
ตอบกฎหมายรัฐธรรมนูญ หมายถึง กฎหมายสูงสุดที่ใช้ในการปกครองประเทศ โดยกำหนดรูปแบบ ระเบียบ โครงสร้าง ตลอดจนแนวทางในการปกครองประเทศ รวมไปถึงการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง อำนาจรัฐ กับการปฏิบัติตนของประชาชน อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้ประชาชนอยู่ในรัฐอย่างร่มเย็นเป็นสุข โดยการจัดสรรอำนาจต่างๆบนพื้นฐานของความชอบธรรมมีรูปแบบการปกครองโดยให้ความยุติธรรมเสมอหน้ากัน เท่าเทียมกัน มีหลักประกันความเป็นพลเมืองแห่งรัฐ
พระราชบัญญัติ หมายถึง กฎหมายที่พระมหากษัตริย์ตราขึ้นโดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
เนื้อหาของพระราชบัญญัตินั้นจะกำหนดเนื้อหาในเรื่องใดก็ได้ แต่ต้องไม่ขัดหรือ
แย้งกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญทั่วไป เรียกว่า
ประเพณีการปกครองของประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตย
นอกจากนี้เนื้อหาของพระราชบัญญัติยังมีลักษณะกำหนดกฎเกณฑ์เป็นการทั่วไปในการก่อตั้ง
เปลี่ยนแปลง กำหนดขอบเขตแห่งสิทธิและหน้าที่ของบุคคล ตลอดจนจำกัดสิทธิเสรีภาพ
ของบุคคลได้ตามที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้
พระราชกำหนด หมายถึง กฎหมายที่บัญญัติโดยฝ่ายบริหาร(คณะรัฐมนตรี)
พระราชกำหนดเป็นรูปแบบหนึ่งของกฎหมายที่ฝ่ายบริหารคือ
พระมหากษัตริย์โดยคำแนะนำและยินยอมของคณะรัฐมนตรีตราขึ้นโดยอำนาจที่รัฐธรรมนูญให้ไว้พระราชกำหนดมีอยู่ 2 ประเภท คือ
1. พระราชกำหนดทั่วไป เป็นกรณีที่ตราพระราชกำหนดเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ และ
2. พระราชกำหนดเกี่ยวกับภาษีและเงินตรา เป็นกรณีที่ตราพระราชกำหนดเกี่ยวกับภาษีอากรหรือเงินตรา ซึ่งต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและลับเพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดินในระหว่างสมัยประชุมสภา
1. พระราชกำหนดทั่วไป เป็นกรณีที่ตราพระราชกำหนดเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ และ
2. พระราชกำหนดเกี่ยวกับภาษีและเงินตรา เป็นกรณีที่ตราพระราชกำหนดเกี่ยวกับภาษีอากรหรือเงินตรา ซึ่งต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและลับเพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดินในระหว่างสมัยประชุมสภา
พระราชกฤษฎีกา คือ บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นโดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ หรือพระราชกำหนด เพื่อใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน
โดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี มีศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมาย และพระราชกำหนด
เทศบัญญัติ
คือ
กฎหมายที่เทศบาลออกเพื่อใช้บังคับในเขตเทศบาลทั้งนี้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติเทศบาล
พศ.2496
ผู้เสนอร่างเทศบัญญัติ ได้แก่ นายกเทศมนตรี สมาชิกสภาเทศบาล หรือราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเทศบาลตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พศ.2542
ผู้เสนอร่างเทศบัญญัติ ได้แก่ นายกเทศมนตรี สมาชิกสภาเทศบาล หรือราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเทศบาลตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พศ.2542
2.กฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่ใช้ในการปกครองประเทศ ปัจจุบันเป็นอย่างไร ในการกำหนดออกกฎหมายสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดของการประกาศใช้เป็นอย่างไร หากเราไม่มีรัฐธรรมนูญนักศึกษาคิดว่าจะเป็นอย่างไร อธิบาย
รองประเทศในระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภาโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
นับแต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พุทธศักราช ๒๔๗๕ เป็นต้นมา
รูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจนิติบัญญัติทางรัฐสภา
ทรงใช้อำนาจบริหารทางคณะรัฐมนตรีและทรงใช้อำนาจตุลาการทางศาล
ดังนั้นในการกำหนดออกกฎหมายสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดของการประกาศใช้ คือ
ต้องคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมให้มากที่สุด
หากไม่มีรัฐธรรมนูญ บ้านเมืองคงเกิดความวุ่นวาย ไม่สงบสุข มีการเอารัดเอาเปรียบ แช่งดีชิงเด่น
แย่งอำนาจ ใช้อำนาจในทางที่ผิด และบุคคลจะทำสิ่งใดก็ทำตามอำเภอใจ
3.ในสภาพปัจจุบันการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 มีนักวิชาการต้องการจะแก้ไขท่านคิดว่าควรที่จะแก้ไขหรือไม่ประเด็นใดอธิบายให้เหตุผล
ตอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือที่เรียกกันว่า “กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ระบุว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น
หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย (1) พระมหากษัตริย์ (2) พระราชินี (3)รัชทายาท หรือ (4) ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”
ปัญหาของประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 มีหลายประการ
ได้แก่ การตีความ อัตราโทษของประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 112 จำคุกขั้นต่ำ 3-15 ปี
ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักความพอสมควรแก่เหตุในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่สิทธิและเสรีภาพของบุคคลมีความสำคัญกฎหมายดังกล่าวเปิดช่องให้ใครก็ได้กล่าวหาใครก็ได้ว่า “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ต่างจากกฎหมายหมิ่นประมาททั่วไปที่เฉพาะผู้เสียหายเท่านั้นที่จะดำเนินการฟ้องร้องได้
จึงกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ใช้กลั่นแกล้งกันได้ง่าย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคม ปิดกั้นการแสดงออกทางความคิดเห็นโดยสุจริตในประเด็นสาธารณะที่เกี่ยวพันกับราชการแผ่นดิน
นอกจากนั้น อัตราโทษที่สูงและความไม่มีมาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมายยังสร้างบรรยากาศความหวาดกลัวและการเลือกที่จะเงียบของคนในสังคม
ทั้งยังถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมือง ดังนั้น
จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นฯอย่างรอบด้าน
และส่งเสริมให้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาถกเถียงในทางสาธารณะเพื่อหาทางออกร่วมกัน
4.การที่มวลมหาประชาชนมีความไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งและให้รัฐบาลลาออกจากการรักษาการและจะปฏิรูป
ท่านในฐานะติดตามข่าวสารบ้านเมือง ขณะนี้
ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ให้ยกเหตุผลประกอบคำอธิบาย
ตอบเห็นด้วย เพราะ การทำงานของรัฐบาลไม่โปร่งใส ไม่มีความชอบธรรม เช่น
ในการรับจำนำข้าว รัฐบาลไม่เคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญ
พยายามร่างกฏหมายนิรโทษกรรมเพื่อที่จะให้พี่ชาย
5.การเลือกตั้งล่วงหน้ามีข้อคัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับมวลมหาประชาชนและประชาชนที่รัฐบาลจัดตั้ง(คนเสื้อแดง)และนำประชาชนชาวเขมรเพื่อนำมาเข่นฆ่าคนไทยท่านเห็นด้วยกับรัฐบาลหรือไม่
ยกเหตุผลประกอบคำอธิบาย
ตอบไม่เห็นด้วย เพราะ เป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีประเทศไทยและคนไทยเป็นอย่างมาก
6.ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ขอให้นักศึกษาให้ความหมาย การศึกษา
การศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาตลอดชีวิต การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ
การศึกษาตามอัธยาศัย สถานศึกษา สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มาตรฐานการศึกษา
การประกันคุณภาพภายใน การประกันคุณภาพภายนอก ผู้สอน ครู คณาจารย์
ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรทางการศึกษา สถานศึกษา
ตอบการศึกษา หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม
โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม
การเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
การศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายความว่า
การศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา
การศึกษาตลอดชีวิต หมายความว่า การศึกษาที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
สถานศึกษา หมายความว่า สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียน ศูนย์การเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย หน่วยงานการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือของเอกชน ที่มีอำนาจหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา
สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายความว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มาตรฐานการศึกษา หมายความว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ คุณภาพ ที่พึงประสงค์และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง และเพื่อใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสำหรับการส่งเสริมและกำกับดูแลการตรวจสอบ การประเมินผลและการประกันคุณภาพทางการศึกษา
การประกันคุณภาพภายใน หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเอง หรือโดยหน่วยงาน
การประกันคุณภาพภายนอก หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก โดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาหรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่สำนักงานดังกล่าวรับรอง เพื่อเป็นการประกันคุณภาพและให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
ผู้สอน หมายความว่า ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่าง ๆ ที่ให้แก่ผู้เรียน
ครู หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาของทั้งของรัฐและเอกชน
คณาจารย์ หมายความว่า บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐและเอกชน
ผู้บริหารสถานศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่งของรัฐและเอกชน
ผู้บริหารการศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอกสถานศึกษาตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
บุคลากรทางการศึกษา หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา รวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการ หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบริหารการศึกษาในหน่วยงานสถานศึกษาต่างๆ
การศึกษาตลอดชีวิต หมายความว่า การศึกษาที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
สถานศึกษา หมายความว่า สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียน ศูนย์การเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย หน่วยงานการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือของเอกชน ที่มีอำนาจหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา
สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายความว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มาตรฐานการศึกษา หมายความว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ คุณภาพ ที่พึงประสงค์และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง และเพื่อใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสำหรับการส่งเสริมและกำกับดูแลการตรวจสอบ การประเมินผลและการประกันคุณภาพทางการศึกษา
การประกันคุณภาพภายใน หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเอง หรือโดยหน่วยงาน
การประกันคุณภาพภายนอก หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก โดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาหรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่สำนักงานดังกล่าวรับรอง เพื่อเป็นการประกันคุณภาพและให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
ผู้สอน หมายความว่า ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่าง ๆ ที่ให้แก่ผู้เรียน
ครู หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาของทั้งของรัฐและเอกชน
คณาจารย์ หมายความว่า บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐและเอกชน
ผู้บริหารสถานศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่งของรัฐและเอกชน
ผู้บริหารการศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอกสถานศึกษาตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
บุคลากรทางการศึกษา หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา รวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการ หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบริหารการศึกษาในหน่วยงานสถานศึกษาต่างๆ
7.ในการจัดการศึกษานักศึกษาคิดว่ามีความมุ่งหมายและหลักการจัดการในการจัดการศึกษา อย่างไร
ตอบมุ่งเป้าหมายการจัดการศึกษาและหลักการจัดการในการจัดการศึกษา
สำหรับการพัฒนาของแต่ละบุคคล และการพัฒนาสังคม ได้แก่
1.ให้บริการทางการศึกษาที่สอดคล้องกับความต้องการในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ
โดยถ่ายทอดหรือปลูกฝังเนื้อหาความรู้ความเข้าใจที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ได้รับการศึกษาวางตัวได้เหมาะสมในสังคม
และมีความสามารถประกอบอาชีพตามความถนัด ความสนใจ หรือตามโอกาสของแต่ละคนได้
สถานศึกษาส่วนใหญ่ที่เรียกว่า โรงเรียน มหาวิทยาลัย ศูนย์การเรียน สถานศึกษาปฐมวัย
ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการทางการศึกษา
2.เตรียมเด็กก่อนวัยเรียนให้มีความพร้อมในการเรียนรู้
และจัดให้เด็กในวัยเรียนได้รับการศึกษาเพื่อการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองต่อเนื่อง
โดยส่งเสริมเกื้อหนุนให้เด็กก่อนวัยเรียนขั้นพื้นฐาน ได้มีพัฒนาการทั้งทางร่างกาย
เชาวน์ปัญญา ความสนใจ ที่เหมาะสม มีความพร้อมในการศึกษาระดับสูงขึ้นไป
การจัดการส่วนนี้ โดยทั่วไปเป็นความร่วมมือระหว่างพ่อแม่ผู้ปกครอง
สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เป็นต้น
ส่วนเด็กในวัยเรียนทุกระดับจะได้รับการศึกษาเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับการเตรียมตัวระดับพื้นฐาน
และเพื่อมีความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพการงานต่อไป
3.ให้โอกาสทางการศึกษา
โดยเข้าถึงผู้รับบริการที่ไม่สามารถเข้ารับการศึกษาตามปกติ ที่มีอยู่หลากหลาย
การจัดการศึกษาลักษณะนี้มุ่งไปที่ผู้ด้อยโอกาสต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีฐานะยากจน
ผู้ที่พลาดโอกาสได้รับการศึกษาในบางช่วงของชีวิต ผู้ที่มีปัญหาทางร่างกาย จิตใจ
หรือสติปัญญา การจัดการศึกษาเช่นนี้มักดำเนินการโดยสถานศึกษาเฉพาะด้าน
เช่น โรงเรียนสอนคนตาบอด โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์
หรือโดยวิธีการอื่นนอกระบบและตามอัธยาศัย เช่น
ศูนย์การเรียนรู้การศึกษาในระบบทางไกล เป็นต้น
4.ตอบสนองความต้องการทางการศึกษาระดับสูงในเชิงคุณภาพ
วัตถุประสงค์นี้มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนมีโอกาสได้พัฒนาความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน
เพื่อประโยชน์ในการประกอบอาชีพ ซึ่งอาจดำเนินการโดยสถาบันอุดมศึกษาที่เน้นการวิเคราะห์วิจัยระดับสูง
มุ่งคิดค้นเนื้อหาสาระที่แปลกใหม่จากเดิม นอกจากนี้ยังรวมถึงการฝึกอบรมเฉพาะทาง
เช่น ด้านการเกษตร การอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์สุขภาพ
เป็นต้น มักดำเนินการในรูปแบบการประชุมสัมมนา การฝึกอบรม การดูงาน
การฝึกปฏิบัติเฉพาะ ฯลฯ
5.พัฒนาศักยภาพของแต่ละบุคคลให้เต็มตามความสามารถ
และตอบสนองวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศ
วัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษาข้อนี้เน้นการพัฒนามนุษย์ในลักษณะบูรณาการ
คือให้มีความสมบูรณ์ครบถ้วนทุกด้าน ทั้งทางร่างกาย สติปัญญา คุณธรรม ความคิด
ความสำนึก ความรับผิดชอบ ฯลฯ ซึ่งตามปกติควรเป็นหน้าที่ของสถานศึกษา
แต่หากสถานศึกษาไม่สามารถดูแลให้ครบถ้วนได้
ก็ต้องจัดส่วนเสริมเติมในลักษณะการฝึกอบรมเฉพาะ
การแทรกในกิจกรรมการเรียนการสอนปกติ หรือการใช้สื่อต่างๆช่วยเสริม
วัตถุประสงค์ส่วนนี้ยังรวมไปถึงการพัฒนาทักษะและคุณภาพของผู้ที่ทำงานแล้วหรือผู้ที่ผ่านการศึกษาตามกระบวนการปกติ
ให้สามารถติดตามความรู้ใหม่ๆและวิทยาการที่มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้นหลักสำคัญในการจัดการศึกษาในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ.2542 (ตามมาตรา 8) กำหนดไว้ 3ประการ คือการศึกษาตลอดชีวิต การมีส่วนร่วม และการพัฒนาต่อเนื่อง
8.มีบุคคลหนึ่งเข้าไปเป็นครูสอนหนังสือในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่เป็นประจำกรณีมิได้รับการบรรจุเป็นครู หากพิจารณาตามกฎหมายถ้าผิดกฎหมายท่านคิดว่าจะถูกลงโทษอย่างไร หากไม่ผิดกฎหมายท่านคิดว่าจะมีวิธีการทำอย่างไร
ตอบกรณีที่ครูผู้สอนมีได้รับการบรรจุแล้วทำผิดกฎหมายจะต้อองถูกลองโทษให้เป็นไปตามกฎหมายที่ระบุหรือบัญญัติไว้
เพราะถือว่าครูเป็นประชาชนคนหนึ่งที่จะต้องอยู่ภายใต้การปกครองและกฏระเบียบที่ได้กำหนดไว้ ผู้ที่ทำผิดไม่สามารถฝ่าฝืนและหนีความผิดได้
9.หากนักศึกษาต้องการสอบบรรจุเป็นครูผู้ช่วยจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
ตอบนักศึกษาต้องการสอบบรรจุเป็นครูผู้ช่วยจะต้องมีคุณสมบัติทั่วไป
ดังต่อไปนี้
(1)มีสัญชาติไทย
(2)มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์
(3)เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองและระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ครองเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
(4)ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น
(5)ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคตามที่กำหนดในกฎ ก.ค.ศ.
(6)ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการ ถูกสั่งออกจากราชการไว้ก่อนตามพระราชบัญญัตินี้
(7)ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีสำหรับการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา
(8)ไม่เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
(9)ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
(10)ไม่เป็นผู้เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความคิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความลหุโทษ
(11)ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจารัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือองค์การระหว่างประเทศ
(12)ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกเพราะกระทำผิดวินัยตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามกฎหมายอื่น
(13)ไม่เป็นผู้เคยกระทำการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการหรือเข้าปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ
(2)มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์
(3)เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองและระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ครองเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
(4)ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น
(5)ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคตามที่กำหนดในกฎ ก.ค.ศ.
(6)ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการ ถูกสั่งออกจากราชการไว้ก่อนตามพระราชบัญญัตินี้
(7)ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีสำหรับการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา
(8)ไม่เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
(9)ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
(10)ไม่เป็นผู้เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความคิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความลหุโทษ
(11)ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจารัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือองค์การระหว่างประเทศ
(12)ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกเพราะกระทำผิดวินัยตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามกฎหมายอื่น
(13)ไม่เป็นผู้เคยกระทำการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการหรือเข้าปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ
10.ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นว่าเมื่อเรียนวิชานี้ นักศึกษาได้อะไรบ้างครูผู้สอนวิชาชีพโดยใช้เทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์ Weblog มีความเหมาะสมและเป็นไปได้อย่างไร
วิจารณ์แสดงความคิดเห็น และถ้าจะให้น้ำหนักวิชานี้ ควรให้เกรดอะไร
และนักศึกษาคิดว่าตนเองจะได้เกรดอะไร
ตอบในรายวิชากฎหมายการศึกษาดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับกฎ
ระเบียบ
วิธีการที่ใช้ในสถานศึกษาและกฎระเบียบที่ครูผู้สอนพึ่งปฏิบัติเมื่อทำหน้าที่เป็นบุคลากรทางการศึกษา
โดยกฎระเบียบถือเป็นกฎเกณฑ์ที่ทำให้สถานศึกษาทำงานอย่างเป็นระบบตามที่กฎหมายได้บัญญัติไว้และเพื่อเป็นแนวทางในการจัดการศึกษา
ซึ่งกฎหมายแต่ละข้อล้วนมีประโยชน์ผู้บริหาร คณะครู บุคลากรทางการศึกษาและนักเรียน
จาการที่ผู้สอนนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับกิจกรรมการเรียนการสอน
เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้เรียนในการเรียนรู้วิชากฎหมายการศึกษา
ซึ่งปกติรายวิชาดังกล่าวเป็นวิชาที่ค่อนข้างน่าเบื่อและอย่างที่จะเข้าใจในกฎระเบียบต่างๆ
แต่เมื่อผู้สอนนำWeblog มาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนทำให้นักเรียนสนใจในการเรียนมากยิ่งขึ้น
เพราะเทคโนโลยีสามารถดึงดูดผู้เรียน
นอกจากนั้นเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ผู้เรียนสามารถเรียนรู้บทเรียนจาก blog แล้วสามารถสรุปองค์ความรู้ที่ได้เรียนรู้ผ่าน blog เพื่อใช้แชร์หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับค้นอื่นได้โดยผ่านทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ดังนั้นดิฉันคิดว่าการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ Weblog เป็นวิธีการที่เหมาะสมในการนำมาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อให้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ถ้าจะให้น้ำหนักวิชานี้ควรให้เกรดหรือระดับเกณฑ์ที่เหมาะสมกับผู้เรียน
โดยการวิเคราะห์จากผลงานหรือการทำกิจกรรมต่าง ส่วนตัวของดิฉันเองต้องการได้เกรด A เพราะดิฉันคิดว่าในการทำกิจกรรมต่างๆดิฉันจะตั้งใจทำและคิดว่าผลงานที่ออกมาก็ดีพอควรและที่สำคัญดิฉันให้ความสำคัญกับรายวิชานี้มาก
จะเห็นได้จากการที่ดิฉันไม่เคยขาดเรียนในรายวิชานี้เลย